วันเสาร์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2562

‘อองตวน’ขอพิสูจน์ตัว เข้าสู่วงการบันเทิง

อองตวน ปินโต

‘อองตวน’ขอพิสูจน์ตัว เข้าสู่วงการบันเทิง

คอลัมน์ ข่าวสดอาทิตย์ใส

อองตวน ปินโต : ข่าวสดอาทิตย์ใส – ทิ้งความ เป็นพระเอกจากสังเวียนผ้าใบ สู่บทบาทที่หลากหลายในโลกมายา สำหรับนักมวยหนุ่มหล่อชาวฝรั่งเศสวัย 28 ปี ‘อองตวน ปินโต’ ที่ตอนนี้หันมาเอาดีด้านงานบันเทิงเต็มตัว
โดยล่าสุดได้รับความสนใจจากการเป็นโค้ชฝึกนักมวยคนดังในรายการ “10 Fight 10” อีกทั้งยังมีงานพิธีกรและงานแสดงเข้ามา
วันนี้จังหวะดี ได้พูดคุยกับหนุ่มอองตวน ทั้งเรื่องงานและส่วนตัว
อองตวน ปินโต
  • เป็นอย่างไรบ้างกับการมาเป็นโค้ชครั้งนี้?
อองตวน – “สนุก ตื่นเต้น ถือเป็นอีกบทบาทที่ได้ทำ จริงๆ เป็นสิ่งที่ถนัด เพราะเรามีประสบการณ์ด้านนี้อยู่แล้ว มันสนุก แต่ก็ขึ้นอยู่กับเวลาของแต่ละคนที่มีเวลาซ้อม ไม่เหมือนกัน น่าจะเป็นปัญหาหนักสุด เนื่องจากเวลาไม่ได้ มันค่อนข้างลำบาก ตรงนั้นมากกว่า จากนักมวยมาเป็นโค้ช เรามีประสบการณ์ตรงนี้ ตอนเราเป็นนักมวย เราเป็นแชมป์ในค่าย เป็นรุ่นพี่ในค่าย ดูแลเด็กๆ ในยิมมาเป็น 10 ปี เลยมีประสบการณ์ เป็นอะไรที่อยู่กับตัวเราอยู่แล้ว”
  • แต่ครั้งนี้ต้องมาเป็นโค้ชให้ดาราต่อยมวย?
อองตวน – “ผมไม่ได้รู้สึกว่าเขาเป็นดารา เราดูแลเขาเหมือนเขาเป็นนักมวยเลย แตกต่างอย่างเดียวคือเขาไม่มีเวลาซ้อม เราต้องทำใจระดับหนึ่งว่าเขาได้เท่าไหร่ก็เอาเท่านั้น เขาไม่ได้จะมาเป็นนักมวยอาชีพ เขาแค่มีความฝันอยากขึ้นชกครั้งหนึ่งในชีวิต หน้าที่เราคือพาเขาได้ทำอย่างที่เขาอยากทำอย่างดีที่สุด ในแบบของเขา”
  • จากนักมวย มาทำงานในวงการบันเทิง ต่างกันไหม?
อองตวน – “ต่างกันอยู่แล้ว ทุกวันที่เราใช้ชีวิตพยายามออกจากเซฟโซน ทำอะไรที่ท้าทาย ในวันที่รู้สึกมวย ไม่ได้ท้าทายสำหรับเรามาก ก็มีงานด้านอื่นๆ และรู้สึกงานด้านบันเทิงให้ความรู้สึกเดียวกับการเป็นนักกีฬา”
อองตวน ปินโต
  • อะไรเป็นจุดเปลี่ยนทำให้อยู่วงการบันเทิงเต็มตัว?
อองตวน – “ก็เริ่มมาเรื่อยๆ เพราะตอนเด็กๆ ผมเริ่มมีงานในวงการบันเทิงบ้าง มันสนุก ได้พบคนที่ไม่ได้ใช้ชีวิตเหมือนเราเยอะ เวลาเป็นนักมวยเจอแต่คนที่เป็นนักมวยและคนอยู่วงการมวย พอย้ายอยู่วงการบันเทิง เจอคนที่หลากหลาย ไม่ใช่แค่ดารา ยังมีคนที่ทำงานในกอง ทุกคนที่เราเจอ เขามีประสบการณ์ชีวิตแตกต่างจากเรา ซึ่งผมว่ามันสนุก ที่ได้เจอคนหลากหลาย”
  • เป็นเพราะเราถึงจุดอิ่มตัวในวงการมวยด้วยไหม?
อองตวน – “ด้วยครับ จริงๆ ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นยอมรับว่าเราคือนักมวยที่เก่งที่สุดในโลก แต่เราพอใจกับสิ่งที่เราใช้ชีวิตมา เราอยากต่อยมวยเวทีใหญ่ก็ต่อยมาแล้ว อยากชกกับนักมวยที่เก่งที่สุด เราก็ชกชนะมาแล้ว อยากได้แชมป์ ก็ได้มาแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ทุกคนมายอมรับว่าเราเก่งที่สุด
แต่เรารู้ว่าสิ่งที่เราคาดหวัง เราได้ทำไปหมดแล้ว เราถึงจุดสูงสุดของเรา มันไม่มีจุดสูงสุดสำหรับนักกีฬามวย วันนี้เราอยู่ในจุดสูงสุด แต่พอผ่านไปอีกชั่วโมง ก็จะมีคนที่สูงสุดกว่าเรา มันไม่มีที่สิ้นสุด
ดังนั้นเราจึงใช้คำว่ามันสูงสุดสำหรับเรา เราพอใจในวันที่เราอยากเป็นแชมป์ เราก็ได้เป็นแชมป์ วันที่เราอยากมีชื่อเสียง เราก็พอมีชื่อเสียง วันที่อยากมีเงิน เราก็พอมีเงิน เราโอเคแล้ว จากนั้นก็เริ่มหาความท้าทายจากตรงนั้นไม่ค่อยเจอ ไม่มีความรู้สึกว่าอยากชกรายการนี้มาก หรืออยากได้แชมป์จากรายการนี้ หรืออยากชนะคนนี้ มันเฉยๆ ต่อยก็ได้ ไม่ต่อยก็ได้ ก็แสดงว่าใจเรา ไม่ได้อยู่ตรงนั้นเต็มร้อย”
อองตวน ปินโต
  • พอก้าว เข้ามาในวงการบันเทิงเป็นอย่างไรบ้าง?
อองตวน – “สนุกดีครับ แต่แรกๆ จะไม่มั่น ใจ เพราะเรามาจากการที่เรามีชื่อเสียงในการเป็นนักมวยมา คิดมาตลอดว่างานของเราในช่วงแรกเป็นเพราะการต่อยอดจากการเป็น นักมวย ถ้าเราจะอยู่ในวงการนี้ต่อ มันต้องมาด้วยตัวเอง เมื่อเราไม่ชกแล้ว เราต้องหางานให้ตัวเอง โดยคนต้องรู้ด้วยว่าผมไม่ชกแล้ว และยังจ้างผมต่อที่ไม่เกี่ยวกับมวยเลย เช่น งานพิธีกร ทำให้เราต้องเก่งขึ้น”
“ใหม่ๆ รู้สึกว่างานในวงการบันเทิงมันยากมาก เพราะตอนผมเป็นนักมวย อยู่บนเวที ผมเป็นพระเอก ไม่มีใครแตะต้องผมได้ แต่พอมาทำงานในวงการต้องปรับความคิด ปรับทุกอย่าง เราต้องเข้าใจทุกงานว่าเป็นอย่างไร คนที่จ้างเราเขาคาดหวังอะไรจากเรา โดยส่วนตัวผมเป็นคนค่อนข้างให้เวลากับการเตรียมตัวมากๆ เพื่อจะได้มีความมั่นใจในวันที่เราต้องไปทำงาน ไม่ใช่คนที่พอตื่นขึ้นมา เขาให้ทำแบบนี้แล้วเราทำเลย”
  • การใช้ชีวิตเป็นดารามันยากกว่าการเป็นนักมวยไหม?
อองตวน – “ผมใช้ชีวิตเหมือนคนทั่วไป ตอนเราเป็นนักมวย เรามีเวลาซ้อม เวลากิน เวลานอน แต่พอมาทำงานในวงการบันเทิงมันไม่เป็นเวลา มันจะแตกต่างตรงที่เราทำอาชีพที่มีคนรู้จักเราเท่านั้นเอง แต่ไม่ได้รู้สึกว่าต้องใช้ชีวิตแตกต่างจากคนอื่น
เรื่องการวางตัว การใช้ชีวิตที่ระวังมันไม่ใช่การใช้ชีวิตสำหรับคนที่มีชื่อเสียงเท่านั้น มันสำหรับทุกคน ผมตั้งใจไว้แต่แรกแล้ว ผมต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้เด็กในค่ายผมเห็น ไม่ว่าจะมีคนเห็นแค่คนสองคน แต่มันก็อยู่กับเรา จนวันนึงมีคนเห็นเป็นหลักร้อย หลักพัน หลักหมื่น หลักแสน หลักล้าน”
  • งานตอนนี้มีอะไรบ้าง?
อองตวน – “นอกจาก ‘10 Fight 10’ ก็ยังมีซีรีส์ ‘สู้ตาย!! นายกระจับ’ และจะเปิดละครอีกเรื่องนึง”
อองตวน ปินโต
  • พอมาทำงานด้านการแสดงที่ต้องสวมบทบาทเป็นคนอื่น เป็นอย่างไรบ้าง?
อองตวน – “ดีครับ ปกติผมเป็นคน ขี้สงสัย ชอบโลกของคนอื่นว่าเขาคิดและรู้สึกอย่างไร การที่เราได้เป็นนักแสดงมันก็สนุก ได้มองโลกในคาแร็กเตอร์ตัวละครที่เราเล่น ไม่ต้องเป็นเรา โดยส่วนตัวผมทำงานชอบหาความท้าทาย ทำงานที่รู้สึกว่าถ้าผมผ่านงานชิ้นนี้มาจะทำให้ผมเก่งขึ้น ได้เรียนรู้อะไรจากมัน ผมเชื่อว่าทุกอย่างที่ผมทำในชีวิต
ผมทุ่มเท และพยายามพัฒนาตัวเอง อย่างเต็มที่ รอดไม่รอดผมไม่รู้ แต่ผมได้พยายามถึงที่สุด และมันก็ทำให้ผมต้องทำการบ้านเยอะมาก ผมทำหลายอย่าง มีธุรกิจ ส่วนตัวด้วย แต่งานทุกอย่างมันเชื่อมโยงกันและทำให้พัฒนาตัวเอง อย่างงานพิธีกรเราได้พัฒนาเรื่องภาษา มันก็ส่งผลในเรื่องการพูด การใช้โทนเสียง ตอนที่เราเล่นละคร”
  • เท่าที่ทำมารู้สึกงานไหนเหมาะกับเราที่สุด ณ ตอนนี้?
อองตวน – “เอาตรงๆ ผมไม่รู้ ผมชอบทุกงาน เพราะผมจะไม่ทำอะไรที่ผมไม่ชอบหรือไม่สนุก แต่แน่นอนว่างานที่เรารับ มันก็ต้องมีบางอย่างที่เราไม่ชอบ แต่เราจะไม่ฝืนทำอะไรที่ไม่ใช่เรา เพราะเรารู้สึกว่างานมันจะออกมาไม่ดีและมันก็จะไม่มีไฟทำให้เราต่อสู้และ พัฒนาตัวเอง”
อองตวน ปินโต
  • ต้องปรับตัวเองเยอะไหม เพราะการอยู่ในวงการไม่ได้ง่ายเท่าไหรนัก?
อองตวน – “ผมปรับเป็นคนละคนจากเมื่อก่อน ถ้าทุกคนได้รู้จักผมเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว น่าจะเกลียดเกือบทุกคน เป็นคนค่อนข้างมุ่งมั่นและมีความมั่นใจในตัวเองสูง ในการเป็นนักกีฬาสำหรับผมทุกอย่างมันคือการได้รับชัยชนะ ไม่มีอย่างอื่น ผมสนใจแต่เป้าหมายของผมอย่างเดียว ไม่ได้สนใจว่าใครจะรู้สึกอย่างไร ผมรู้อย่างเดียวว่าผมต้องชนะเท่านั้น”
  • อะไรที่ทำให้เปลี่ยนความคิดตรงนี้?
อองตวน – “ผมว่ามันเป็นความเข้าใจไม่ใช่จุดเปลี่ยน เป็นความใส่ใจคนอื่นมากขึ้น ผมว่าด้วยความที่เราไม่ได้อยู่ในการแข่งขันแล้วจริงๆ ชัยชนะมันก็ไม่ได้สำคัญขนาดนั้น”
อองตวน ปินโต
  • กับงานในวงการบันเทิง เป้าหมายสูงสุดของเราคืออะไร?
อองตวน – “ไม่รู้เลยครับ ผมยังไม่ถึงจุดว่าเราต้องขนาดไหน เราต้องพัฒนาตัวเองอีกเยอะ เราเพิ่งมั่นใจตัวเองว่าเราสามารถได้งาน เขาจ้างเรา เพราะเป็นเราเมื่อไม่นานนี้ ก็ยังรู้สึกตลอดว่าเราคู่ควรกับวงการนี้มั้ย เราเป็นคนที่เตรียมตัวเยอะ เวลาทำงานจะมั่นใจตัวเองมาก แต่ในชีวิตประจำวันจะไม่มีความมั่นใจ จะมีคำถามในหัวตลอดว่ามันใช่มั้ย มันถูกหรือไม่ถูก ทุกวันนี้ยังไม่อยากคาดหวัง พยายามทำมันออกมาให้ดี”
  • คบใครไม่อยากฉุดให้แย่

เพิ่งโสดอย่างเป็นทางการ สำหรับนักมวยหนุ่มหล่อ ‘อองตวน ปินโต’ หลังเลิกกับสาว ‘ชิปปี้-ศิรินทร์’ ที่คบกันมานาน 5 ปี
อองตวน ปินโต
อองตวนเปิดใจว่า “เราคบมา 5 ปี ที่เริ่มไม่โอเคเป็นมาพักใหญ่แล้ว ตลอด 5 ปีที่คบมีการปรับและเรียนรู้ โตไปด้วยกัน”
อะไรเป็น จุดทำให้ต้องแยกกัน “ไม่มีอะไรเลย มันเป็นความรู้สึกของเราสองคนที่อาจจะใช่หรือไม่ใช่ไม่รู้ เวลาที่ให้เขาน้อยไปอาจมีส่วน เพราะการเป็นนักกีฬา แบ่งเวลาชัดเจน พอเข้าวงการเกมส์ก็ใช้ชีวิตกลางคืนมากขึ้น กลางวันก็ทำงานวงการบันเทิง เวลาเราค่อนข้างเปลี่ยน”
ปรับกัน อยู่นานไหม “ผมว่าคนเราพอคบกันมาถึงจุดนึงจะรู้ว่าปรับได้หรือไม่ได้ มันคือคนที่อยากจะอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิตหรือเปล่า ไม่ใช่ว่าปรับให้กันได้มั้ย เพราะตอนนี้เรารู้แล้วว่าต่างคนต่างเป็นอย่างไร มันเกิดคำถามนี้ขึ้นมามากกว่า ผมว่าเป็นช่วงอายุของทั้งคู่ด้วย คิดเรื่องแต่งงาน อยากมีลูก มันหลายอย่างที่เกิดคำถามว่ามันใช่คนนี้หรือเปล่า”
อองตวน
ชิปปี้ ศิรินทร์
คบถึงขั้นเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว แต่ยังไม่โดนใช่ไหม “ไม่ใช่หรอกครับ เราต่างมั่นใจว่าคนนี้คือคนที่ใช่ แต่อาจจะด้วยเรื่องเวลา”
ฟางเส้น สุดท้ายเพราะมีบุคคลที่สามเข้ามาเกี่ยวใช่ไหม “ไม่เกี่ยว สิ่งที่ทำให้เปลี่ยนสถานะมันหลายอย่าง ปัญหาต่างๆ ผมพิมพ์บอกไปหมดแล้ว แต่เบื้องลึก เรารู้ว่ามีอะไรยังไงบ้าง”
คิดว่าจะกลับไปได้ไหม เพราะเรายังรักเขาอยู่ “ไม่รู้เหมือนกัน”
ไม่อยากให้เขารอเรา “ครับ คิดอย่างเดียวคืออยากให้เขามีความสุข ไม่จำเป็นต้องเป็นเราก็ได้ แต่อยากให้เขามีความสุข”
เราจะ เริ่มต้นใหม่อีกครั้งเมื่อไหร่ “ไม่รู้ยังไม่ได้คิด ผมรู้สึกผมยังจัดการความรู้สึกตัวเองได้ยังไม่หมด ผมไม่ได้ปิดกั้นตัวเอง ถ้าถึงเวลามันจะรู้สึกเอง ความรักเป็นสิ่งสวยงาม ส่วนสเป๊กสาวไม่มี”
ได้ข่าว ว่าช่วงนี้น้องฮอต “ใช่ครับ ก็ดี การที่ห่างกันมันช่วยเราทั้งคู่ วันที่สถานะเปลี่ยนและห่างกัน น้องดูแลตัวเอง ได้เติบโตแบบเต็มที่ ผมว่าเวลาคบใคร ต้องมาคิดว่าเราดึงกันขึ้นไปเรื่อยๆ หรือมันแย่ลง”
“เราแยก กันก็เห็นว่าน้องดีกว่าตอนอยู่กับผม สวยขึ้น มีออร่ามากขึ้น ผมไม่รู้ว่าเขาใช้ชีวิตยังไง คงไม่มีใครรู้ แต่ในการงานเป็นสิ่งที่เราคิดว่าไม่อยากดึงให้อีกคนต่ำลง”
ผู้สนับสนุน : newsthe1  gclubtheone 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

news

เกาะติดข่าว ข่าววันนี้ ข่าวด่วน ข่าวออนไลน์ newsthai ข่าวล่าสุด ข่าวทันเหตุการณ์

FACEBOOK